พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
ขุนแผนพรายแม่สี...
ขุนแผนพรายแม่สีนวล เนื้อมวลสารตกุตทองแดงหลวงปู่หา สุภโร ( หลวงปู่ไดโนเสาร์ ) วัดป่าสักวัน ( ภูกุ้มข้าว ) อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
ขุนแผนพรายแม่สีนวล หลวงปู่หา สุภโร ( หลวงปู่ไดโนเสาร์ ) วัดป่าสักวัน ( ภูกุ้มข้าว ) อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
#ประวัติแม่สีนวล
แม่สีนวล เดิมเป็นคนอยู่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นชาวไร่ชาวนา แม่สีนวล เป็นสาวที่ สวยและงดงาม มากๆ จึงเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มในหมู่บ้าน และบริเวณใกล้เคียง กระทั่งอายุ 20 กว่าๆ ก็ได้ออกเรือน กับชายในหมู่บ้านเดียวกัน ประมาณ 2530 กว่าๆ แม่สีนวล ได้ตั้งท้อง กระทั่งครบ 9 เดือน ถึงวันสุดท้าย แม่สีนวลเกิดเจ็บท้องแต่ไปไม่ถึงโรงพยาบาลก็ได้ขาดใจตายเสียก่อนหรือเรียกว่าตายทั้งกลม หลังจากที่ใช้ฝังศพแม่สีนวล พระอาจารย์หรือครูบาโต พร้อมพระสงฆ์ ฝั่งเขมรอีก 4 รูป ได้มาทำพิธี พลีน้ำมันพราย จากแม่สีนวล เพื่อให้ แม่สีนวล ไปสร้างบุญสร้างกุศล ช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยาก น้ำมันนี้ ครูบาโต ได้ติดตัวท่านอยู่ตลอดเป็นเวลา 20 กว่าปีไม่เคยห่างกาย และการทำขุนแผนพรายแม่สีนวลครั้งนี้ ครูบาโตได้อนุเคราะห์ น้ำมันพรายแม่สีนวลมาให้ผสม เพื่อสร้างเป็นขุนแผนให้เกิดพุทธคุณเด่นทางเมตตามหานิยม และช่วยเหลือ ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ให้รอดพ้นจากวิกฤต เศรษฐกิจที่ไม่ดี ให้พ้นเคราะห์ เมื่อนำไปใช้แล้วมีแต่ความโชคดีค้าขายดีร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีเสน่ห์เมตตามหานิยม เพราะการช่วยเหลือ ของแม่ศรีนวล ครูบาโตบอกเอาไปใช้เถอะ ดีนักแล มีแต่คุณ ไม่มีโทษ ใช้ได้ผลจริง ดีจริงเมตตาจริงนี่คือสุดยอดของพรายแม่สีนวล
พระเทพมงคลวชิรมุนี,วิ. [1] (หลวงปู่หา สุภโร) ท่านมีนามเดิมว่า หา นามสกุลภูบุตตะ เกิดวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2468 ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บ้านนาเชือก ตำบลเว่อ (ปัจจุบันเป็นตำบลนาเชือก) อำเภอยางตลาด (ปัจจุบันเป็นอำเภอเมือง) จังหวัดกาฬสินธุ์ บิดาชื่อ นายสอ ภูบุตตะ มารดาชื่อ นางบัวลา ภูบุตตะ มีพี่น้องรวมกัน 7 ท่าน

ท่านถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านนาเชือก ซึ่งอพยพมาจากจังหวัดอุบลราชธานี มีฝูงวัวมากกว่า 30 ตัว มีที่นากว่า 60 ไร่ มารดาเลี้ยงหม่อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะมั่นคงที่สุดในแถบนั้น เมื่อท่านเป็นฆราวาส ท่านมีความขยันหมั่นเพียร และความอุตสาหะ ท่านช่วยโยมบิดามารดาทำงานทุกอย่าง ท่านได้สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดบ้านนาเชือกเหนือ ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2ท่านก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นทหารอาสาเพื่อไปร่วมรบในสงคราม และท่านได้เข้ารับการฝึกซ้อมรบ ภายหลังก่อนที่ท่านจะไปในสงครามจริง ๆ สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้ยุติลงก่อนในปี พ.ศ. 2488 ครั้งนึงท่านชอบการต่อยมวยมาก ท่านชอบไปต่อยมวยตามงานวัดต่าง ๆ ในเวลาว่างจากการทำนาและงานอื่น แต่โยมบิดาของท่านไม่ชอบที่ท่านเป็นนักมวยนัก พอช่วงอายุประมาณ 20 ปี คุณยายของท่านก็ได้ปรารภกับท่านว่าอยากจะให้ท่านบวชให้คุณยายของท่านหน่อย อันเป็นที่มาของการออกบวชภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ในบวรพระพุทธศาสนา

ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่ออายุย่างเข้า 21ปี ที่สิมน้ำ (อุทกุกเขปสีมา) ณ วัดสว่างนิวรณ์นาแก ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีหลวงปู่ลือ เป็นพระอุปัชฌาย์ สังกัดมหานิกาย เมื่อท่านบวชแล้วก็มาอยู่ที่วัดสุวรรณชัยศรี ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ในปี พ.ศ. 2489 ขณะนั้นที่นั่นการปกครองในคณะสงฆ์ยังไม่ทั่วถึงมากนัก การบวชของคณะธรรมยุติกนิกายและคณะมหานิกายยังไม่มีการแยกจากกัน ยังคงใช้พระอุปัชฌาย์องค์เดียวกัน ในปี พ.ศ. 2490 ทางคณะสงฆ์ได้ประกาศว่า พระอุปัชฌาย์สังกัดนิกายอะไรผู้บวชก็ต้องสังกัดนิกายนั้น พระครูประสิทธิ์สมณญาณ จนฺโทปโม เจ้าอาวาสวัดสุวรรณชัยศรี (ศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต สมัยท่านจำพรรษาอยู่แถบจังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านจึงได้ขึ้นไปอบรมการเป็นพระอุปัชฌาย์ของคณะธรรมยุติกนิกาย ต่อมาเมื่อท่านอายุ 22ปี ทำทัฬหีกรรมเป็นพระภิกษุสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ที่สิมน้ำ (อุทกุกเขปสีมา) ณ วัดบ้านหนองโจด (ปัจจุบันเป็นที่นาชาวบ้าน) ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อ วันที่ 21 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 เวลา 13.00 น. โดยมีพระครูประสิทธิ์สมณญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระครูปลัดอ่อน ขนฺติโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีพระใบฎีกาทองสุข สุจิตฺโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายา ว่า “สุภโร” แปลว่า “ผู้เลี้ยงง่าย”
เมื่อท่านยังเป็นพระนวกะ (ผู้บวชใหม่) ปี พ.ศ. 2494 ได้จำพรรษาที่วัดสุวรรณชัยศรี จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี และ ในปีพ.ศ. 2495 สอบได้นักธรรมชั้นโทที่วัดขวัญเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ และในปีพ.ศ. 2497 ได้มีโอกาสศึกษาต่อที่วัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพมหานคร จนสำเร็จนักธรรมชั้นเอก ท่านได้มีโอกาสอุปัฏฐากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น จนฺทปชฺโชโต) และด้วยความที่ท่านมีนิสัยใฝ่เรียนรู้ ท่านจะเรียนบาลีเป็นประจำทุกวัน เมื่อเว้นว่างจากการเรียนบาลีแล้ว ท่านก็จะเดินทางด้วยเท้าเปล่าเพื่อไปเรียนกรรมฐานจากพระธรรมมงคลญาณ (วิริยังค์ สิรินฺธโร) วัดธรรมมงคล และพระสุทธิธรรมรังสี (ลี ธมฺมธโร) ที่วัดบรมนิวาส

เมื่อเรียนไปได้สักระยะหนึ่ง ท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคดีซ่าน การเรียนทั้งปริยัติและปฏิบัติจึงได้ระงับไว้ก่อน เมื่ออาการหนักมากจนถึงขั้นต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงฆ์ นานถึง 3 เดือน โดยไม่มีท่าทีว่าจะหาย หรือดีขึ้นเลย ท่านจึงทอดอาลัยในชีวิต แล้วตั้งความปรารถนาขอใช้ชีวิตที่เหลือในการรับใช้พระศาสนาให้สมกับที่เป็นผู้อุทิศตนต่อชาวโลก โดยท่านได้ตั้งสัตยาธิษฐาน ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้วมรกต) ว่า “หากข้าพเจ้าจะมีชีวิตในการบวช ขอให้โรคหาย ถ้าหากจะไม่มีชีวิตแล้ว ขอให้ตายกับผ้าเหลือง” ท่านมีความคิดว่าหากได้บวชอยู่นาน ๆ จะได้ทำประโยชน์ในพระศาสนาให้สมกับที่เป็นผู้อุทิศตนต่อชาวโลก จากนั้นท่านจึงเดินทางกลับมาที่บ้านเกิดเพื่อตั้งต้นดำเนินภารกิจดังที่ตั้งปณิธานไว้ และได้ตั้งสัตยาธิษฐานอีกครั้งหนึ่งว่า “ขอให้ได้อยู่ป่าทำความสงบสบายทางจิต”

ด้วยอานิสงส์แห่งการอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา ในขณะนั้นท่านก็ได้รับการรักษาจากหมอพื้นบ้าน และการอบรมทางใจจากการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานเข้าช่วยเหลือ จึงเป็นผลให้อาการของโรคทุเลาลงจนหายขาดในที่สุด เมื่อหายเป็นปกติแล้วท่านจึงออกเที่ยวปฏิบัติรุกขมูล หาความวิเวกทางกายและใจออกธุดงค์ไปยังภาคต่าง ๆ ในประเทศไทยแทบทุกจังหวัด ไปทุกมุมเมืองในภาคอีสาน และข้ามไปยังฝั่งลาว ไปถึงนครเวียงจันทน์ถึงสองครั้ง เข้ากัมพูชา จนเห็นผลทางจิตอันแน่นอนแล้ว ท่านจึงกลับมาช่วยงานพระศาสนาดังปฐมปณิธาน
ผู้เข้าชม
2870 ครั้ง
ราคา
350
สถานะ
เปิดให้บูชา
ชื่อร้าน
บารมีบุญพระเครื่อง
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
rit3009
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 008-8-93615-9

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
เปียโนหริด์ เก้าแสนstp253termboonNetnapatumlawyer
มนต์เมืองจันท์เอก พานิชพระเครื่องบ้านพระสมเด็จชาวานิชไกร วรมันชา วานิช
somemanhra7215jochoว.ศิลป์สยามเจริญสุขภูมิ IR
Le29Amuletเทพจิระโจ๊ก ป่าแดงน้ำตาลแดงhoppermansiracha
lordtplasep8600tintinเพ็ญจันทร์mon37

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1636 คน

เพิ่มข้อมูล

ขุนแผนพรายแม่สีนวล เนื้อมวลสารตกุตทองแดงหลวงปู่หา สุภโร ( หลวงปู่ไดโนเสาร์ ) วัดป่าสักวัน ( ภูกุ้มข้าว ) อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
ขุนแผนพรายแม่สีนวล เนื้อมวลสารตกุตทองแดงหลวงปู่หา สุภโร ( หลวงปู่ไดโนเสาร์ ) วัดป่าสักวัน ( ภูกุ้มข้าว ) อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
รายละเอียด
ขุนแผนพรายแม่สีนวล หลวงปู่หา สุภโร ( หลวงปู่ไดโนเสาร์ ) วัดป่าสักวัน ( ภูกุ้มข้าว ) อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
#ประวัติแม่สีนวล
แม่สีนวล เดิมเป็นคนอยู่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นชาวไร่ชาวนา แม่สีนวล เป็นสาวที่ สวยและงดงาม มากๆ จึงเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มในหมู่บ้าน และบริเวณใกล้เคียง กระทั่งอายุ 20 กว่าๆ ก็ได้ออกเรือน กับชายในหมู่บ้านเดียวกัน ประมาณ 2530 กว่าๆ แม่สีนวล ได้ตั้งท้อง กระทั่งครบ 9 เดือน ถึงวันสุดท้าย แม่สีนวลเกิดเจ็บท้องแต่ไปไม่ถึงโรงพยาบาลก็ได้ขาดใจตายเสียก่อนหรือเรียกว่าตายทั้งกลม หลังจากที่ใช้ฝังศพแม่สีนวล พระอาจารย์หรือครูบาโต พร้อมพระสงฆ์ ฝั่งเขมรอีก 4 รูป ได้มาทำพิธี พลีน้ำมันพราย จากแม่สีนวล เพื่อให้ แม่สีนวล ไปสร้างบุญสร้างกุศล ช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยาก น้ำมันนี้ ครูบาโต ได้ติดตัวท่านอยู่ตลอดเป็นเวลา 20 กว่าปีไม่เคยห่างกาย และการทำขุนแผนพรายแม่สีนวลครั้งนี้ ครูบาโตได้อนุเคราะห์ น้ำมันพรายแม่สีนวลมาให้ผสม เพื่อสร้างเป็นขุนแผนให้เกิดพุทธคุณเด่นทางเมตตามหานิยม และช่วยเหลือ ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ให้รอดพ้นจากวิกฤต เศรษฐกิจที่ไม่ดี ให้พ้นเคราะห์ เมื่อนำไปใช้แล้วมีแต่ความโชคดีค้าขายดีร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีเสน่ห์เมตตามหานิยม เพราะการช่วยเหลือ ของแม่ศรีนวล ครูบาโตบอกเอาไปใช้เถอะ ดีนักแล มีแต่คุณ ไม่มีโทษ ใช้ได้ผลจริง ดีจริงเมตตาจริงนี่คือสุดยอดของพรายแม่สีนวล
พระเทพมงคลวชิรมุนี,วิ. [1] (หลวงปู่หา สุภโร) ท่านมีนามเดิมว่า หา นามสกุลภูบุตตะ เกิดวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2468 ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บ้านนาเชือก ตำบลเว่อ (ปัจจุบันเป็นตำบลนาเชือก) อำเภอยางตลาด (ปัจจุบันเป็นอำเภอเมือง) จังหวัดกาฬสินธุ์ บิดาชื่อ นายสอ ภูบุตตะ มารดาชื่อ นางบัวลา ภูบุตตะ มีพี่น้องรวมกัน 7 ท่าน

ท่านถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านนาเชือก ซึ่งอพยพมาจากจังหวัดอุบลราชธานี มีฝูงวัวมากกว่า 30 ตัว มีที่นากว่า 60 ไร่ มารดาเลี้ยงหม่อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะมั่นคงที่สุดในแถบนั้น เมื่อท่านเป็นฆราวาส ท่านมีความขยันหมั่นเพียร และความอุตสาหะ ท่านช่วยโยมบิดามารดาทำงานทุกอย่าง ท่านได้สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดบ้านนาเชือกเหนือ ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2ท่านก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นทหารอาสาเพื่อไปร่วมรบในสงคราม และท่านได้เข้ารับการฝึกซ้อมรบ ภายหลังก่อนที่ท่านจะไปในสงครามจริง ๆ สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้ยุติลงก่อนในปี พ.ศ. 2488 ครั้งนึงท่านชอบการต่อยมวยมาก ท่านชอบไปต่อยมวยตามงานวัดต่าง ๆ ในเวลาว่างจากการทำนาและงานอื่น แต่โยมบิดาของท่านไม่ชอบที่ท่านเป็นนักมวยนัก พอช่วงอายุประมาณ 20 ปี คุณยายของท่านก็ได้ปรารภกับท่านว่าอยากจะให้ท่านบวชให้คุณยายของท่านหน่อย อันเป็นที่มาของการออกบวชภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ในบวรพระพุทธศาสนา

ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่ออายุย่างเข้า 21ปี ที่สิมน้ำ (อุทกุกเขปสีมา) ณ วัดสว่างนิวรณ์นาแก ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีหลวงปู่ลือ เป็นพระอุปัชฌาย์ สังกัดมหานิกาย เมื่อท่านบวชแล้วก็มาอยู่ที่วัดสุวรรณชัยศรี ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ในปี พ.ศ. 2489 ขณะนั้นที่นั่นการปกครองในคณะสงฆ์ยังไม่ทั่วถึงมากนัก การบวชของคณะธรรมยุติกนิกายและคณะมหานิกายยังไม่มีการแยกจากกัน ยังคงใช้พระอุปัชฌาย์องค์เดียวกัน ในปี พ.ศ. 2490 ทางคณะสงฆ์ได้ประกาศว่า พระอุปัชฌาย์สังกัดนิกายอะไรผู้บวชก็ต้องสังกัดนิกายนั้น พระครูประสิทธิ์สมณญาณ จนฺโทปโม เจ้าอาวาสวัดสุวรรณชัยศรี (ศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต สมัยท่านจำพรรษาอยู่แถบจังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านจึงได้ขึ้นไปอบรมการเป็นพระอุปัชฌาย์ของคณะธรรมยุติกนิกาย ต่อมาเมื่อท่านอายุ 22ปี ทำทัฬหีกรรมเป็นพระภิกษุสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ที่สิมน้ำ (อุทกุกเขปสีมา) ณ วัดบ้านหนองโจด (ปัจจุบันเป็นที่นาชาวบ้าน) ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อ วันที่ 21 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 เวลา 13.00 น. โดยมีพระครูประสิทธิ์สมณญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระครูปลัดอ่อน ขนฺติโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีพระใบฎีกาทองสุข สุจิตฺโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายา ว่า “สุภโร” แปลว่า “ผู้เลี้ยงง่าย”
เมื่อท่านยังเป็นพระนวกะ (ผู้บวชใหม่) ปี พ.ศ. 2494 ได้จำพรรษาที่วัดสุวรรณชัยศรี จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี และ ในปีพ.ศ. 2495 สอบได้นักธรรมชั้นโทที่วัดขวัญเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ และในปีพ.ศ. 2497 ได้มีโอกาสศึกษาต่อที่วัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพมหานคร จนสำเร็จนักธรรมชั้นเอก ท่านได้มีโอกาสอุปัฏฐากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น จนฺทปชฺโชโต) และด้วยความที่ท่านมีนิสัยใฝ่เรียนรู้ ท่านจะเรียนบาลีเป็นประจำทุกวัน เมื่อเว้นว่างจากการเรียนบาลีแล้ว ท่านก็จะเดินทางด้วยเท้าเปล่าเพื่อไปเรียนกรรมฐานจากพระธรรมมงคลญาณ (วิริยังค์ สิรินฺธโร) วัดธรรมมงคล และพระสุทธิธรรมรังสี (ลี ธมฺมธโร) ที่วัดบรมนิวาส

เมื่อเรียนไปได้สักระยะหนึ่ง ท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคดีซ่าน การเรียนทั้งปริยัติและปฏิบัติจึงได้ระงับไว้ก่อน เมื่ออาการหนักมากจนถึงขั้นต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงฆ์ นานถึง 3 เดือน โดยไม่มีท่าทีว่าจะหาย หรือดีขึ้นเลย ท่านจึงทอดอาลัยในชีวิต แล้วตั้งความปรารถนาขอใช้ชีวิตที่เหลือในการรับใช้พระศาสนาให้สมกับที่เป็นผู้อุทิศตนต่อชาวโลก โดยท่านได้ตั้งสัตยาธิษฐาน ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้วมรกต) ว่า “หากข้าพเจ้าจะมีชีวิตในการบวช ขอให้โรคหาย ถ้าหากจะไม่มีชีวิตแล้ว ขอให้ตายกับผ้าเหลือง” ท่านมีความคิดว่าหากได้บวชอยู่นาน ๆ จะได้ทำประโยชน์ในพระศาสนาให้สมกับที่เป็นผู้อุทิศตนต่อชาวโลก จากนั้นท่านจึงเดินทางกลับมาที่บ้านเกิดเพื่อตั้งต้นดำเนินภารกิจดังที่ตั้งปณิธานไว้ และได้ตั้งสัตยาธิษฐานอีกครั้งหนึ่งว่า “ขอให้ได้อยู่ป่าทำความสงบสบายทางจิต”

ด้วยอานิสงส์แห่งการอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา ในขณะนั้นท่านก็ได้รับการรักษาจากหมอพื้นบ้าน และการอบรมทางใจจากการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานเข้าช่วยเหลือ จึงเป็นผลให้อาการของโรคทุเลาลงจนหายขาดในที่สุด เมื่อหายเป็นปกติแล้วท่านจึงออกเที่ยวปฏิบัติรุกขมูล หาความวิเวกทางกายและใจออกธุดงค์ไปยังภาคต่าง ๆ ในประเทศไทยแทบทุกจังหวัด ไปทุกมุมเมืองในภาคอีสาน และข้ามไปยังฝั่งลาว ไปถึงนครเวียงจันทน์ถึงสองครั้ง เข้ากัมพูชา จนเห็นผลทางจิตอันแน่นอนแล้ว ท่านจึงกลับมาช่วยงานพระศาสนาดังปฐมปณิธาน
ราคาปัจจุบัน
350
จำนวนผู้เข้าชม
2871 ครั้ง
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
ชื่อร้าน
บารมีบุญพระเครื่อง
URL
เบอร์โทรศัพท์
0910162844
ID LINE
rit3009
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 008-8-93615-9




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี